Sompo

Innovation for Wellbeing

Home» สาระดีๆ จากซมโปะ» บทความดีๆ จากซมโปะ» ใครว่าผอมแล้วไม่น่ากลัว...ทำความรู้จักโรคเบาหวานในคนผอม

ใครว่าผอมแล้วไม่น่ากลัว...ทำความรู้จักโรคเบาหวานในคนผอม

29 ก.ย. 2021 | ไลฟ์สไตล์

ใครว่าผอมแล้วไม่น่ากลัว...ทำความรู้จักโรคเบาหวานในคนผอม

 

โรคเบาหวาน เป็นโรคที่เกิดจากภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมนอินซูลินที่ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลได้เต็มที่ น้ำตาลที่มีอยู่เลยเข้าไปสู่กระแสเลือดในระดับที่สูงผิดปกติและทำให้ร่างกายของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีอาการผิดปกติตามมา โดยปกติแล้วเมื่อเราพูดถึงโรคเบาหวาน คนผอม ส่วนใหญ่อาจไม่กังวลนัก เพราะอาจคิดว่าเป็นโรคที่จะไม่เกิดกับตนเอง แต่ที่จริงแล้ว โรคเบาหวาน ในคนผอมก็มีนะ แถมยังน่ากลัวไม่น้อย สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน ไม่ได้มีแค่การกินหวานมากไปเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับกรรมพันธุ์ได้ด้วย หากมีบุคคลในครอบครัวเคยเป็นโรคเบาหวานมาก่อน  หรือ มีการใช้ยาบางชนิด เช่น พวกยาสเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ ยาคุมกำเนิดเป็นประจำ ทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่ดี รวมทั้งอาจเป็นเพราะเราอายุมากขึ้นแล้วตับอ่อนทำงานไม่ดีเหมือนเก่า ก็ทำให้เกิดเป็นโรคเบาหวานได้เช่นเดียวกัน

 

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานอยู่หรือไม่ ลองมาสังเกตสุขภาพตนเองกันดูสักนิดว่ามีสัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่าอาจเป็นโรคเบาหวานเหล่านี้หรือไม่

 

สัญญานณเตือนที่บ่งบอกว่าอาจเป็นโรคเบาหวาน

  1. อ่อนเพลียง่าย ทั้งๆ ที่พักผ่อนเพียงพอ และไม่ได้ป่วยไข้
  2. น้ำหนักลดผิดปกติ โดยไม่ทราบสาเหตุ
  3. ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
  4. คอแห้ง กระหายน้ำมากกว่าปกติ (เพราะร่างกายสูญเสียน้ำจากการปัสสาวะบ่อย)
  5. ตาพร่ามัวลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
  6. ปวดขา ปวดเข่า
  7. ผิวหนังแห้ง และมีอาการคัน อาจจะคันตามตัว หรือคันบริเวณปากช่องคลอด
  8. เป็นฝีตามตัวบ่อยๆ
  9. อารมณ์แปรปรวน โมโหง่าย
  10. แผลหายช้า ไม่แห้งสนิท หรือขึ้นสะเก็ด

 

นอกจากสัญญาณเหล่านี้แล้ว มาเช็คเพิ่มเติมกันหน่อยว่ามีปัจจัยเสี่ยงด้วยหรือไม่ อาทิ เคยมีบุคคลในครอบครัวเป็นเบาหวานมาก่อน, ไม่ชอบออกกำลังกาย, มีไขมันในเส้นเลือด, มีน้ำหนักเกิน, อายุที่มากขึ้น, มีความดันโลหิตสูง, เชื้อชาติ รวมทั้งการใช้ชีวิต ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้ ซึ่งบางปัจจัยเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นกับคนผอมได้เช่นเดียวกัน

 

หากมีอาการข้างต้น รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ แนะนำให้ลองไปหาหมอ เพื่อทำการวินิจฉัยอย่างละเอียดอีกครั้ง ในส่วนของการวินิจฉัยโรคเบาหวานนั้น เมื่อเราไปหาหมอ ทางคุณหมอจะทำการซักถามประวัติ สอบถามอาการเจ็บป่วย ทั้งของเราและคนในครอบครัว จากนั้นจะตรวจร่างกาย ตรวจวัดระดับน้ำตาล ซึ่งการวัดระดับน้ำตาลนั้นมีหลายวิธี เช่น

 

วิธีที่ 1 การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเวลาใดก็ได้

วิธีที่ 2 การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง

วิธีที่ 3 การทดสอบการตอบสนองของฮอร์โมนอินซูลินที่มีต่อระดับน้ำตาลในเลือด

วิธีที่ 4 การตรวจน้ำตาลเฉลี่ยสะสม หรือฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี

 

สำหรับเกณฑ์ในการวินิจฉัยกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน สมาคมโรคเบาหวานได้ระบุไว้ว่า กลุ่มคนที่จะเสี่ยงเป็นเบาหวานได้ คือ กลุ่มคนที่เมื่อตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแล้วผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปตามเกณฑ์ด้านล่างนี้

 

  • น้ำตาลหลังอดอาหารข้ามคืน (มากกว่า 8 ชั่วโมง) มากกว่า หรือ เท่ากับ 100125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
  • น้ำตาล 2 ชั่วโมง หลังทดสอบความทนของกลูโคส (oral glucose tolerance test) มากกว่าหรือเท่ากับ 140199 มก./ดล.
  • น้ำตาลสะสม (HbA1c) มากกว่าหรือเท่ากับ 5.76.4 %

 

ทั้งนี้ระดับน้ำตาลในเลือดจะขึ้นกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ของผู้ป่วยแต่ละบุคคลด้วย เพื่อให้การวินิจฉัยเป็นไปอย่างถูกต้อง ผู้ที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงควรไปหาหมอเพื่อตรวจเช็คอย่างละเอียดอีกครั้ง

 

 

จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นว่าผอมหรือไม่ผอม ก็มีสิทธิ์เป็นโรคเบาหวานได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นอย่าลืมสังเกตตนเองกันด้วยว่าเข้าข่ายโรคเบาหวานหรือไม่ และรีบไปหาหมอ เพื่อไม่ให้สายเกินไปกันนะ เพราะโรคเบาหวาน ไม่เพียงแต่เป็นโรคร้ายแรงที่มีค่ารักษาพยาบาล (มนุษย์เงินเดือน VS โรคร้าย ) ต่อเนื่องจำนวนมาก แต่ยังพ่วงด้วยโรคร้ายต่างๆ ที่เป็นอาการแทรกซ้อนตามมาได้อีก เช่น โรคไต, ตาบอด, ติดเชื้ออักเสบได้ง่าย, หลอดเลือดแดงตีบตัน เป็นต้น  ซึ่งส่วนของค่ารักษาพยาบาลในโรคเบาหวานนั้น อาจจะไม่ได้สูงมากๆ เหมือนโรคร้ายแรงอื่นๆ แต่เป็นอีกหนึ่งโรคที่จำเป็นต้องรักษาต่อเนื่อง และที่น่ากลัว คือ ยังเป็นโรคที่อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ ซึ่งแต่ละโรคแทรกซ้อนนั้นค่ารักษาพยาบาลมีจำนวนสูงมาก เพื่อความอุ่นใจในการดูแลสุขภาพและดูแลภาระเรื่องค่าใช้จ่าย เราจึงควรมีประกันสุขภาพเอาไว้เพื่อช่วยดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลต่างๆ อย่างครอบคลุม

 

ถ้าถามว่าซื้อประกันสุขภาพที่ไหนดี? ซมโปะ ประกันภัย มีประกันสุขภาพเต็มเต็มและประกันสุขภาพเอ็กซ์ตร้า ครอบคลุมในเรื่องความคุ้มครองที่ไม่เป็นสองรองใคร โรคระบาดอย่างโควิด-19 ประกันสุขภาพเต็มเต็มและประกันสุขภาพเอ็กซ์ตร้าก็ให้ความคุ้มครองเช่นกัน อยากได้ความคุ้มครองแบบไหน เลือกได้ตามใจ

  • คุ้มครองเต็มเต็ม จ่ายตามจริง ครอบคลุมทุกรายการ ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าผ่าตัด ค่ารถพยาบาล*
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและฉุกเฉิน*
  • วงเงินค่ารักษาต่อครั้ง และรวมกันสูงสุดตามทุนประกันภัยที่เลือกซื้อในแต่ละแผนต่อปี*
  • สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดเต็ม 25,000 บาท**

 

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด / ** เงื่อนไขเป็นไปตามที่สรรพากรกำหนด

สนใจดูรายละเอียดได้ที่ https://welcome.sompo.co.th/health-tem-tem-and-health-dee-dee  

 

หากใครอยากรู้จักซมโปะ ประกันภัย มากขึ้น ลองคลิกอ่านได้ที่ (บทความ "รู้จักพวกเราให้ดีกว่าเดิม! ซมโปะ บริษัท ประกันภัยช้ันนำของญี่ปุ่น")

 

ที่มา

https://www.sanook.com/health/2725/

http://www.mheemhee.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99/

https://www.dmthai.org/index.php/understand-diabetes/diabetes-2/498-diabetes-and-risk